อาการท้องเสีย เกิดจากอะไร มีกี่แบบ และวิธีการรักษา

อาการท้องเสีย เกิดจากอะไร มีกี่แบบ และวิธีการรักษา

อาการท้องเสีย หรือ อุจจาระร่วง (Diarrhea) เป็นอาการที่ได้บ่อยที่สุดในประเทศเราเนื่องจากประเทศเราเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนชื้น อาหารการกินมักจะเสียเร็วมากกว่าปกติทำให้เผลอกินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว และเกิดอาการปวดท้อง ท้องเสียได้ อาการปวดท้อง ท้องเสียเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งวันนี้เราก็ได้ยกสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียและวิธีการรักษามาให้ได้ทราบกัน โดยสาเหตุเกิดจากอะไรมาดูกันเลยดีกว่า

อาการท้องเสีย เกิดจากสาเหตุอะไร?

โรคท้องเสียมักพบสาเหตุมาจากอาการติดเชื้อไวรัสรองลงมาก็คือการติดเชื้อจากแบคทีเรียและปัจจัยอื่นๆ เช่น เชื้อปรสิต อาหารเป็นพิษจากสารพิษที่ตกค้าง และอาหารปนเปื้อนกับสารพิษที่สร้างขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้อาการท้องเสียยังเกิดได้จากการได้รับยาบางชนิดที่ร่างกายไม่คุ้นชินและทำปฏิกิริยาทำให้เกิดอาการท้องเสียได้

ท้องเสียมีกี่แบบ อะไรบ้าง

โดยปกติแล้วลำไส้จะดูดซึมสารอาหารจากสิ่งที่เรารับประทานเข้าไป แต่เมื่อเกิดอาการท้องเสียลำไส้ไม่สามารถทำงานได้ปกติจึงไม่สามารถดูดซึมสารอาหารเหล่านั้นได้ และถูกขับออกมาจากร่างกายโดยการถ่ายเหลวเป็นน้ำหรืออาการท้อเสียนั่นเอง อาการท้องเสียแบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ คืออาการท้องเสียแบบเฉียบพลันและอาการท้องเสียแบบเรื้อรังซึ่งจะมีอาการดังนี้

1.ท้องเสียแบบเฉียบพลัน

อาการท้องเสียแบบเฉียบพลันมักจะเกิดจากโรคกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอักเสบเนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสปรสิตดังนี้

  • การติดเชื้อแบคทีเรีย โดยมักจะอยู่ในน้ำหรืออาหารที่ไม่สะอาด ดังนั้นเมื่อทานเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ก็จะทำให้ท้องเสียได้
  • การติดเชื้อไวรัส โดยมีหลายชนิด อย่างเช่น โรต้าไวรัส และไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น
  • การได้รับเชื้อปรสิต เชื้อปรสิตสามารถเข้าสู่ร่างกายของคนได้โดยผ่านการรับประทานอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน โดยเชื้อปรสิตที่พบมากที่สุดคือเชื้อ ไกอา และเชื้อคริปโตสปอริเดียม

2.ท้องเสียแบบเรื้อรัง

อาการท้องเสียแบบเรื้อรังเกิดคืออาการที่ผู้ป่วยมีอาการติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไปซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยดังต่อไปนี้

  • อาหาร ซึ่งบางคนมีปัญหาในการย่อยอาหารบางประเภท อย่างเช่นการขาดน้ำย่อยสำหรับย่อยน้ำตาลแล็กโทส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่พบมากในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับนมจึงทำให้ก่ออาการท้องเสียได้เช่นกัน
  • โรคระบบทางเดินอาหารและโรคลำไส้ผิดปกติ เช่น โรคลำไส้อักเสบ โรคลำไส้แปรปรวน โรคถุงผนังลำไส้ โรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นต้น
  • การผ่านตัด ซึ่งอาการท้องเสียอาจเกิดขึ้นได้หลังจากที่เข้ารับการรักษาผ่าตัดอย่างเช่นการผ่าตัดลำไส้ใหญ่ ผ่าตัดถุงน้ำดีออกไปเป็นต้น
  • การตอบสนองต่อยาบางประเภท เช่น ท้องเสียหลังจากได้รับยา ปฏิชีวนะ หรือยาลดกรดที่มีแมกนีเซียมเป็นต้น

วิธีการรักษาเมื่อมีอาการท้องเสีย

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียส่วนใหญ่ไม่จำเป็นจะต้องเข้าการรักษา เพราะอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง แต่ผู้ป่วยควรดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อทดแทนน้ำที่เสียไป หรือจะชงผงเกลือแร่โออาร์เอส (ORS) เพื่อชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่เสียไป นอกจากนี้เพื่อบรรเทาอาการท้องเสียสามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอยาบรรเทาอาการปวดท้องมารับประทานได้ และควรดื่มน้ำเกลือแร่ควบคู่กันไปด้วยก็จะทำให้อาการดีขึ้นได้แต่ถ้าอาการยังรุนแรงและผู้ป่วยมีอาการหมดสติให้รีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

ป้องกันอาการท้องเสียได้อย่างไร

โรคท้องเสียสามารถป้องกันได้ด้วยการรักษาความสะอาดและเลือกรับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัย  โดยสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเบื้องต้นดังนี้

  • ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากเข้าห้องน้ำ และก่อนหลังรับประทานอาหาร
  • ในกรณีที่ไม่สามารถล้างมือได้ให้ใช้น้ำยาล้างมือ หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือเพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรค
  • เลือกรับประทานอาหารอย่างระมัดระวังเช่นอาหารที่ปรุงสุก อาหารที่ผ่านความร้อน อาหารที่สดสะอาด หลีกเลี่ยงอาหารผักและผลไม้สดที่ไม่ได้ล้าง
  • ไม่ทานอาหารที่ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องนานๆ ควรเก็บเข้าตู้เย็นเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
  • เลือกดื่มน้ำที่สะอาดและถูกสุขลักษณะ

ท้องเสียเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งการติดเชื้อแบคที่เรียและเชื้อไวรัสเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย สามารถป้องกันโรคท้องเสียด้วยการรักษาความสะอาด เลือกรับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัย ดื่มน้ำสะอาดเพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วงท้องเสียได้